• บทความบล็อก > ผู้เริ่มต้น

18 ธันวาคม 2567,10:45 น

บทความบล็อกสำหรับผู้เริ่มต้นคืออะไร

Pip ในการซื้อขาย Forex คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ?

18 ธันวาคม 2567, 10:45 น

แชร์บน:
เฟสบุ๊คลิงค์อินทวิตเตอร์แบ่งปัน
แชร์บน:
เฟสบุ๊คลิงค์อินทวิตเตอร์แบ่งปัน

ทำความเข้าใจพื้นฐานของการซื้อขาย Forex

การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายรายวันเกินกว่าล้านล้านดอลลาร์ แก่นแท้ของตลาดนี้คือแนวคิดของ pip ซึ่งย่อมาจาก “percentage in point” หรือ “price interest point” ซึ่งก็คือการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุดในคู่สกุลเงิน

การทำความเข้าใจค่า Pip ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน เพราะเป็นพื้นฐานในการประเมินแนวโน้มของตลาด คำนวณกำไรและขาดทุน และจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังฝึกฝนทักษะ การเชี่ยวชาญค่า Pip ถือเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายอย่างรอบรู้

Pip ในการซื้อขาย Forex คืออะไร?

พิป ย่อมาจาก “จุดเปอร์เซ็นต์” หรือ “จุดความสนใจราคา” เป็นหน่วยวัดมาตรฐานในการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ใช้เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงราคาระหว่างสองสกุลเงินในคู่สกุลเงิน สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ พิปเท่ากับการเคลื่อนไหวของราคา 0.0001 หรือหนึ่งในร้อยของเปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างเช่น หากคู่สกุลเงิน EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1050 เป็น 1.1051 การเปลี่ยนแปลงหลักเดียวในหลักทศนิยมที่สี่นั้นแสดงถึงหนึ่งพิป

กรณีพิเศษ: คู่เงินเยนของญี่ปุ่น

ไม่ใช่คู่สกุลเงินทั้งหมดที่จะปฏิบัติตามกฎนี้ สำหรับคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินเยนของญี่ปุ่น (เช่น USD/JPY) หนึ่งพิพจะแสดงเป็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ 0.01 แทนที่จะเป็น 0.0001 ความแตกต่างนี้เกิดขึ้นเพราะในอดีตคู่สกุลเงินเยนจะถูกกำหนดเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าสัมพันธ์ของเงินเยนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ

บริบททางประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการ

แนวคิดของ pip ถือกำเนิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการซื้อขาย Forex เมื่อการกำหนดมาตรฐานถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสอดคล้องกันในตลาดทั่วโลก ในตอนนั้น pip ทำหน้าที่เป็นภาษาสากลสำหรับให้เทรดเดอร์สื่อสารการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างชัดเจนและหลีกเลี่ยงความคลุมเครือ

การถือกำเนิดของแพลตฟอร์มการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ทำให้มีการกำหนดราคาแบบเศษส่วนของพิป หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ปิเปต” นวัตกรรมนี้ทำให้สามารถวัดค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหวของราคาและกลยุทธ์การซื้อขาย

ทำไม Pip ถึงสำคัญ?

Pip มีบทบาทสำคัญในการซื้อขาย Forex และมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญหลายประการ:

  1. 1.
    ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด: Pip มอบช่องทางที่เป็นมาตรฐานในการวัดและเปรียบเทียบความผันผวนของราคาระหว่างคู่สกุลเงินที่หลากหลาย ทำให้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้ง่ายขึ้น
  2. 2.
    การคำนวณกำไรและขาดทุน: โดยการเข้าใจ pips เทรดเดอร์สามารถคำนวณผลกระทบทางการเงินของการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถประเมินประสิทธิภาพและปรับแต่งกลยุทธ์ได้
  3. 3.
    อำนวยความสะดวกในการสื่อสารที่ชัดเจน: Pip สร้างมาตรฐานวิธีการแสดงการเปลี่ยนแปลงราคา ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการสื่อสารระหว่างผู้ซื้อขาย นายหน้า และนักวิเคราะห์จะสอดคล้องและชัดเจน

การเปรียบเทียบในโลกแห่งความเป็นจริง

หากต้องการเข้าใจแนวคิดของหน่วยพิปอย่างเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ให้ลองนึกภาพการติดตามราคาหุ้น แทนที่จะวัดการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินดอลลาร์โดยพลการ คุณสามารถทำให้การเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นมาตรฐานโดยใช้หน่วยเซ็นต์เพื่อความแม่นยำ ในทำนองเดียวกัน ในตลาดฟอเร็กซ์ หน่วยพิปเป็นหน่วยวัดที่สม่ำเสมอและเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในการแสดงการเปลี่ยนแปลงราคา

  • -
    ตัวอย่างเช่น:
    หากคุณซื้อ EUR/USD 1 ล็อตที่ราคา 1.1050 และขายที่ราคา 1.1060 การเคลื่อนไหวของราคา 10 พิปจะถือเป็นกำไรหรือขาดทุนของคุณ มูลค่าทางการเงินที่แน่นอนขึ้นอยู่กับขนาดล็อตและมูลค่าพิป ซึ่งเราจะมาเจาะลึกกันในหัวข้อถัดไป

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

Pip อาจดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการเทรด Forex เพราะช่วยให้เทรดเดอร์วัดการเคลื่อนไหวของตลาด คำนวณผลกำไร และสื่อสารกันภายในชุมชนการเทรดได้ง่ายขึ้น การเชี่ยวชาญแนวคิดเรื่อง Pip จะช่วยให้คุณสร้างพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจเทรดอย่างมีข้อมูลและเชิงกลยุทธ์

วิธีการคำนวณ Pip

การทำความเข้าใจวิธีการคำนวณค่า pip ถือเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับเทรดเดอร์ Forex ทุกคน มูลค่าของ pip จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินที่ซื้อขายและขนาดของการซื้อขาย นี่คือคำแนะนำทีละขั้นตอนในการคำนวณค่า pip ในสถานการณ์ต่างๆ

การคำนวณ Pip สำหรับคู่สกุลเงินหลัก
  • คู่สกุลเงิน: ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
  • อัตราแลกเปลี่ยน : 1.1050
  • ขนาดที่ดิน: 100,000 หน่วย (1 ล็อตมาตรฐาน)
  • การคำนวณมูลค่า Pip:
    มูลค่า Pip = (0.0001 ÷ 1.1050) × 100,000 = 9.05 USD
  • บันทึก: สำหรับบัญชีที่ใช้สกุลเงิน USD มูลค่า pip ของ EUR/USD จะเท่ากับเสมอ $10 ต่อ pip ต่อล็อตมาตรฐาน, ไม่คำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยน
  • ซึ่งจะช่วยให้การคำนวณมูลค่า pip สอดคล้องและเรียบง่ายขึ้นสำหรับผู้ซื้อขายที่ใช้ USD เป็นสกุลเงินในบัญชีของตน
การคำนวณ Pip สำหรับคู่เงิน JPY
  • คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินเยนของญี่ปุ่น (เช่น USD/JPY, EUR/JPY) โดยทั่วไปจะมีราคาเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง ในกรณีนี้ หนึ่งพิพจะเท่ากับ 0.01การคำนวณใช้สูตรเดียวกัน:
  • ตัวอย่างการคำนวณสำหรับ USD/JPY:
    • คู่สกุลเงิน: ดอลลาร์สหรัฐ/เยน
    • อัตราแลกเปลี่ยน : 110.50
    • ขนาดที่ดิน: 100,000 หน่วย (1 ล็อตมาตรฐาน)
    • มูลค่าพิพ: (0.01 ÷ 110.50) × 100,000 = 9.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • แม้ว่าตำแหน่งทศนิยมจะแตกต่างกัน แต่ค่าเงินของ pip สำหรับคู่เงินเยนก็มักจะสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับคู่เงินหลัก
ราคาปิเปตแบบเศษส่วน (ปิเปต)
  • โบรกเกอร์ Forex ยุคใหม่มักใช้การกำหนดราคาแบบเศษส่วนของพิป โดยเพิ่มตำแหน่งทศนิยมพิเศษให้กับราคาสกุลเงินเพื่อความแม่นยำที่มากขึ้น เศษส่วนของพิปเหล่านี้หรือ “ปิเปต” แสดงถึง 1/10 ของ pip
  • ตัวอย่าง:
    • หาก EUR/USD ถูกระบุเป็น 1.10503, หลักสุดท้าย (“3”) เป็นเศษส่วนพิป
  • แม้ว่าตัวเลขเศษส่วนจะให้รายละเอียดที่ละเอียดกว่า แต่ผลกระทบต่อการคำนวณการซื้อขายนั้นมีน้อยมากสำหรับผู้ซื้อขายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่เน้นที่ขนาดล็อตที่ใหญ่กว่า

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

การคำนวณค่า pip ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินผลกำไรจากการเทรดและการวางแผนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง โดยการเชี่ยวชาญการคำนวณค่า pip สำหรับคู่สกุลเงินต่างๆ เทรดเดอร์สามารถวัดผลกระทบทางการเงินจากการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างแม่นยำและตัดสินใจเทรดอย่างรอบรู้

ตัวอย่างของ Pip ในการดำเนินการ

การทำความเข้าใจว่าค่า Pip ทำงานอย่างไรในสถานการณ์การซื้อขายจริงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเข้าใจถึงความสำคัญของค่า Pip ต่อไปนี้คือตัวอย่างเชิงปฏิบัติสามประการที่แสดงให้เห็นว่าค่า Pip มีอิทธิพลต่อกำไร ขาดทุน และการตัดสินใจซื้อขายอย่างไร

  • ตัวอย่างที่ 1: กำไรจากการค้าขาย

    • สถานการณ์: ลองนึกภาพว่าคุณซื้อขาย EUR/USD จำนวน 1 ล็อตมาตรฐาน
    • ราคาค่าเข้า: 1.1200
    • ราคาออก: 1.1250
    • การเคลื่อนไหวของราคา: 1.1250 – 1.1200 = 0.0050 (50 พิพ)
    • สูตรคำนวณกำไร: กำไร = มูลค่า Pip × จำนวน Pip
    • สมมติมูลค่า Pip: $10 (สำหรับล็อตมาตรฐาน)
    • กำไร: 50 พิพ × $10 = $500
  • การจับการเคลื่อนไหว 50 พิพ จะทำให้คุณได้กำไร $500 ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าการติดตามพิพช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดผลกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาที่เอื้ออำนวยได้อย่างไร

  • ตัวอย่างที่ 2: การสูญเสียจากการค้า

    • สถานการณ์: พิจารณาสถานการณ์ที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งของคุณใน GBP/USD
    • ราคาค่าเข้า: 1.3050
    • จุดตัดขาดทุน: 1.3030
    • การเคลื่อนไหวของราคา: 1.3050 – 1.3030 = 0.0020 (20 พิพ)
    • สูตรการคำนวณการสูญเสีย: การสูญเสีย = มูลค่า Pip × จำนวน Pip
    • สมมติมูลค่า Pip: $10 (สำหรับล็อตมาตรฐาน)
    • การสูญเสีย: 20 พิพ × $10 = $200
  • การขาดทุน $200 นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ pip เพื่อกำหนดระดับการหยุดการขาดทุนที่เหมาะสม เพื่อช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ตัวอย่างที่ 3: คู่สกุลเงินแปลกใหม่

    คู่สกุลเงินแปลกใหม่เช่น USD/SEK หรือ EUR/TRY มักจะแสดงความผันผวนที่สูงกว่าและสเปรดที่กว้างกว่า ส่งผลให้มูลค่า pip ที่มากขึ้น

    ตัวอย่าง USD/SEK:
    • คู่สกุลเงิน: ดอลลาร์สหรัฐ/โครนสวีเดน
    • อัตราแลกเปลี่ยน : 9.5000
    • ขนาดที่ดิน: 100,000 หน่วย
    • สูตรค่า Pip: มูลค่า Pip = (หนึ่ง Pip / อัตราแลกเปลี่ยน) × ขนาดล็อต
    • การคำนวณ : มูลค่า Pip = (0.0001 / 9.5000) × 100,000 = 1.05 USD
  • ในกรณีนี้ การเคลื่อนไหว 1 pip มีค่าเท่ากับ $1.05 ซึ่งต่ำกว่าค่า pip ของคู่เงินหลักอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงพลวัตเฉพาะตัวของคู่เงินที่แปลกใหม่ และความสำคัญของการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้จริงของค่า pip ในการวัดผลกำไร ขาดทุน และผลลัพธ์การซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายคู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินเยน หรือสกุลเงินแปลกใหม่ การทำความเข้าใจค่า pip ถือเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินผลการซื้อขายและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

Pips เป็นเครื่องมือการจัดการความเสี่ยง

ในการซื้อขาย Forex นั้น pips ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการจัดการความเสี่ยงและการกำหนดขนาดตำแหน่ง โดยการทำความเข้าใจมูลค่า pip และใช้ค่าเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์ เทรดเดอร์สามารถปกป้องเงินทุนของตนได้ในขณะที่เพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้ให้สูงสุด นี่คือสี่วิธีหลักที่ pips ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยง:

  • 1. การวัดผลกำไรและขาดทุน:
    Pip เป็นมาตรฐานสากลในการวัดความเคลื่อนไหวของตลาด ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดผลกำไรหรือขาดทุนได้อย่างง่ายดาย ความชัดเจนนี้มีความสำคัญไม่ว่าจะซื้อขายคู่สกุลเงินใดก็ตาม

    ตัวอย่าง:
    คุณเข้าตำแหน่งซื้อใน EUR/USD ที่ราคา 1.1000 และขายออกที่ราคา 1.1050 กำไร 50 พิปสะท้อนถึงผลกำไรของคุณโดยตรง เมื่อทราบค่าพิป (เช่น $10 ต่อพิปสำหรับล็อตมาตรฐาน) คุณสามารถคำนวณผลกำไรของคุณได้:
    กำไร = 50 × 10 = 500 USD
  • 2. การกำหนดขนาดตำแหน่ง:
    Pip มีความสำคัญต่อการกำหนดขนาดล็อตที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขาย การคำนวณมูลค่า Pip และการพิจารณาระดับการยอมรับความเสี่ยงของคุณจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดยังคงอยู่ในขอบเขตที่จัดการได้

    ตัวอย่าง:
    คุณมีบัญชีซื้อขาย $10,000 และยินดีที่จะเสี่ยง 2% ของบัญชีของคุณในการซื้อขายครั้งเดียว ($200) คุณตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ห่างจากราคาเข้า 20 พิป โดยใช้การคำนวณพิป คุณกำหนดได้ว่าการซื้อขาย 1 มินิล็อต (10,000 หน่วย) จะทำให้ความเสี่ยงของคุณอยู่ที่หรือต่ำกว่า $200:
    ความเสี่ยงต่อ Pip = ความเสี่ยงทั้งหมด / จำนวน Pip = 200 / 20 = 10 USD
  • 3. การกำหนดระดับ Stop-Loss และ Take-Profit:
    การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวข้องกับการตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไร ซึ่งทั้งสองอย่างนี้วัดเป็นหน่วยพิป การทำความเข้าใจค่าพิปทำให้เทรดเดอร์สามารถวางระดับเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้ได้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สมดุล

    สถานการณ์:
    คุณตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ต่ำกว่าราคาเข้า 30 พิพ และตั้งจุดทำกำไรไว้สูงกว่า 60 พิพ ซึ่งจะทำให้มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังเสี่ยง $1 เพื่อรับ $2 อัตราส่วนดังกล่าวมีความจำเป็นต่อผลกำไรในระยะยาว
  • 4. การเปรียบเทียบความเคลื่อนไหวของตลาด:
    Pip สร้างมาตรฐานการวัดการเปลี่ยนแปลงราคาระหว่างคู่สกุลเงิน ทำให้เปรียบเทียบความผันผวนและการเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น แม้แต่ระหว่างคู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินแปลก

    ตัวอย่าง:
    หาก EUR/USD เคลื่อนไหว 40 pips ในหนึ่งวันและ USD/JPY เคลื่อนไหว 50 pips การวัด pip จะช่วยให้คุณประเมินและเปรียบเทียบความผันผวนของคู่เงินเหล่านี้ได้อย่างเป็นกลาง ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับกลยุทธ์ของตนตามสภาวะตลาดได้

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

Pip ไม่ใช่แค่หน่วยวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงอีกด้วย ตั้งแต่การคำนวณกำไรและขาดทุนไปจนถึงการกำหนดขนาดตำแหน่งและการตั้งระดับการหยุดขาดทุน การเชี่ยวชาญการใช้ Pip ช่วยให้เทรดเดอร์ลดความเสี่ยง ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม และเทรดด้วยความมั่นใจ

1 Pip มีค่าเท่าไหร่?

มูลค่าทางการเงินของ pip ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินที่ซื้อขาย อัตราแลกเปลี่ยน และขนาดล็อต การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณมูลค่า pip ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของปัจจัยสำคัญและตัวอย่าง

  • 1. สูตรค่า Pip:
    ค่าของ pip สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรต่อไปนี้:
    มูลค่า Pip = หนึ่ง Pip / อัตราแลกเปลี่ยน × ขนาดล็อต

    • หนึ่งปิ๊ป: แสดงถึงความเคลื่อนไหวราคาที่เล็กที่สุดสำหรับคู่สกุลเงิน
    • อัตราแลกเปลี่ยน : ระบุค่าของสกุลเงินอ้างอิงเทียบกับสกุลเงินฐาน
    • ขนาดที่ดิน: สะท้อนถึงจำนวนหน่วยสกุลเงินที่มีการซื้อขาย (ล็อตมาตรฐาน ล็อตมินิ หรือล็อตไมโคร)
  • 2. ตัวอย่างการคำนวณค่า Pip:
    • ตัวอย่างที่ 1: EUR/USD (คู่สกุลเงินหลัก)
      • อัตราแลกเปลี่ยน : 1.2000
      • ขนาดที่ดิน: 100,000 หน่วย (1 ล็อตมาตรฐาน)
      • หนึ่งปิ๊ป: 0.0001
      • การคำนวณ : มูลค่า Pip = (0.0001 / 1.2000) × 100,000 = 8.33 USD
      • ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนตัว 1 pip ใน EUR/USD จะเท่ากับ $8.33 สำหรับล็อตมาตรฐาน

    • ตัวอย่างที่ 2: USD/JPY (คู่เงินเยน)
      • อัตราแลกเปลี่ยน : 110.00
      • ขนาดที่ดิน: 100,000 หน่วย (1 ล็อตมาตรฐาน)
      • หนึ่งปิ๊ป: 0.01
      • การคำนวณ : มูลค่า Pip = (0.01 / 110.00) × 100,000 = 9.09 USD
      • สำหรับคู่เงินเยน มูลค่าของ pip โดยทั่วไปจะสูงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากใช้ตำแหน่งทศนิยมที่เล็กกว่าในการกำหนดราคา
  • 3. มูลค่า Pip ตามขนาดล็อต:
    มูลค่าของ pip จะปรับตามสัดส่วนของขนาดล็อต:
    • ล็อตมาตรฐาน (100,000 ยูนิต): มูลค่า pip สูงสุด
    • มินิล็อต (10,000 ยูนิต): 1/10 ของมูลค่า pip ของล็อตมาตรฐาน
    • ไมโครล็อต (1,000 หน่วย): 1/100 ของมูลค่า pip ของล็อตมาตรฐาน

    ตัวอย่าง EUR/USD (อัตราแลกเปลี่ยน: 1.2000):
    • ล็อตมาตรฐาน: $8.33 ต่อ pip
    • มินิล็อต: $0.833 ต่อ pip
    • ไมโครล็อต: $0.0833 ต่อ pip
  • 4. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อมูลค่า Pip:
    ปัจจัยหลายประการสามารถส่งผลต่อมูลค่าของ pip รวมถึง:
    • คู่สกุลเงิน: ค่าของ Pip จะแตกต่างกันไปในแต่ละคู่ โดยคู่ที่แปลกใหม่มักจะมีค่าที่สูงกว่าเนื่องจากความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น
    • อัตราแลกเปลี่ยน : อัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้นจะลดมูลค่าของ pip สำหรับคู่สกุลเงินที่ระบุในสกุลเงินฐาน
    • สกุลเงินบัญชี: หากสกุลเงินในบัญชีของคุณต่างจากสกุลเงินอ้างอิง คุณจะต้องแปลงค่า pip เป็นสกุลเงินในบัญชีของคุณ
  • 5. การประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ: การปรับขนาดตำแหน่ง:
    การทราบมูลค่า Pip ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถปรับขนาดตำแหน่งตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนได้

    ตัวอย่าง:
    คุณเต็มใจที่จะเสี่ยง $50 ในการซื้อขาย มูลค่าของ pip คือ $10 ต่อ pip เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ คุณตั้งจุดตัดขาดทุนของคุณห่างจากราคาเข้า 5 pip:
    Stop-Loss Pip = จำนวนความเสี่ยง / มูลค่า Pip = 50 / 10 = 5 Pip

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

ค่า Pip ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับการจัดการการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำความเข้าใจวิธีการคำนวณมูลค่าทางการเงินของ Pip เทรดเดอร์สามารถกำหนดขนาดตำแหน่งของตนได้อย่างเหมาะสม กำหนดพารามิเตอร์ความเสี่ยงที่แม่นยำ และประเมินผลกำไรจากการซื้อขายได้อย่างมั่นใจ


มูลค่าสกุลเงินถูกกำหนดอย่างไร

มูลค่าของสกุลเงินในตลาด Forex นั้นถูกกำหนดโดยแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ การเมือง และตลาดต่างๆ สำหรับผู้ซื้อขาย การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าสกุลเงินจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ pip และในท้ายที่สุดก็คือผลลัพธ์ของการซื้อขาย นี่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงิน:

  • 1. อัตราดอกเบี้ย:
    ธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแกร่งของสกุลเงิน

    ผลกระทบ: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้มีความต้องการสกุลเงินนี้เพิ่มขึ้นและมูลค่าของสกุลเงินก็เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจทำให้ค่าเงินลดลง

    ตัวอย่าง: หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้ค่าเงิน EUR/USD ลดลง
  • 2. อัตราเงินเฟ้อ:
    อัตราเงินเฟ้อส่งผลต่ออำนาจซื้อของสกุลเงิน โดยอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและมีเสถียรภาพมักเกี่ยวข้องกับสกุลเงินที่แข็งค่าขึ้น

    ผลกระทบ: อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะกัดกร่อนมูลค่าของสกุลเงิน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำบ่งบอกถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสนับสนุนให้สกุลเงินแข็งแกร่ง

    ตัวอย่าง: หากอัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงทรงตัว GBP/USD อาจอ่อนค่าลงเนื่องจากปอนด์สูญเสียอำนาจซื้อเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • 3. ตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ:
    ข้อมูลเศรษฐกิจให้ภาพรวมของสุขภาพทางการเงินของประเทศและมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    ผลกระทบ: ตัวบ่งชี้เชิงบวก เช่น การเติบโตของ GDP อัตราการว่างงานที่ต่ำ และยอดขายปลีกที่แข็งแกร่งสามารถทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นได้ ข้อมูลเชิงลบอาจมีผลตรงกันข้าม

    ตัวอย่าง: รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจผลักดันให้ USD/JPY ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อขายคาดการณ์ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
  • 4. เสถียรภาพทางการเมือง:
    เสถียรภาพทางการเมืองช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับสกุลเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โลกมีความไม่แน่นอน ในทางกลับกัน ความไม่สงบทางการเมืองสามารถกระตุ้นให้ค่าเงินลดลงได้

    ผลกระทบ: รัฐบาลที่มีเสถียรภาพช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ในขณะที่ความไม่แน่นอนหรือความเปลี่ยนแปลงจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน

    ตัวอย่าง: การเจรจา Brexit ทำให้ค่าเงิน GBP/USD มีความผันผวนอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
  • 5. เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์:
    เหตุการณ์ต่างๆ เช่น สงคราม ข้อพิพาททางการค้า และภัยธรรมชาติ อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน และนำไปสู่ความผันผวนของสกุลเงินอย่างมีนัยสำคัญ

    ผลกระทบ: ตลาดตอบสนองต่อการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างรวดเร็ว โดยสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากกว่ามักทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

    ตัวอย่าง: ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมักทำให้ค่าเงิน USD/CNY เคลื่อนไหวรุนแรง ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกของตลาดที่ตอบสนองต่อการประกาศนโยบาย
  • 6. อุปทานและอุปสงค์:
    หลักการพื้นฐานของอุปทานและอุปสงค์ยังกำหนดมูลค่าสกุลเงินด้วย

    ผลกระทบ: ความต้องการสกุลเงินที่สูงขึ้นจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินนั้นแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่อุปทานที่มากเกินไปจะนำไปสู่การลดค่าของสกุลเงิน

    ตัวอย่าง: หากญี่ปุ่นประสบกับความต้องการสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ความต้องการเงินเยนของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ USD/JPY ลดลง

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

มูลค่าของสกุลเงินได้รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของสภาพเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางการเมือง และพลวัตของตลาด สำหรับผู้ค้า Forex การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาด การประเมินความเสี่ยง และการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีข้อมูลเพียงพอ

ความเข้าใจผิดทั่วไปเกี่ยวกับ Pips

แม้ว่า Pip จะมีบทบาทสำคัญในการซื้อขาย Forex แต่เทรดเดอร์มือใหม่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การชี้แจงความเข้าใจผิดเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างรากฐานที่มั่นคงในการซื้อขาย มาแก้ไขความเข้าใจผิดทั่วไปและให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์กัน

  • 1. Pip ทุกอันเท่ากัน:
    เทรดเดอร์จำนวนมากเข้าใจผิดว่าค่าของ pip มีค่าเท่ากันในทุกคู่สกุลเงิน ในความเป็นจริง ค่าของ pip จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น คู่สกุลเงิน ขนาดล็อต และสกุลเงินของบัญชี

    ตัวอย่าง: โดยทั่วไปค่า pip ของ USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐต่อแรนด์แอฟริกาใต้) จะสูงกว่าค่า EUR/USD เนื่องจากความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของตลาด การซื้อขายคู่สกุลเงินที่แปลกใหม่มักจะเกี่ยวข้องกับค่า pip ที่สูงกว่า ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของคู่สกุลเงิน
  • 2. Pip และกำไรเป็นสิ่งเดียวกัน:
    แม้ว่า Pip จะวัดการเคลื่อนไหวของราคา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนโดยตรง รายได้ขึ้นอยู่กับทั้งขนาดล็อตและมูลค่าของ Pip

    ตัวอย่าง: การเคลื่อนไหว 10 พิพด้วย 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) อาจให้ผลลัพธ์ $100 ในขณะที่การเคลื่อนไหวแบบเดียวกันด้วย 1 ล็อตมินิ (10,000 หน่วย) จะให้ผลลัพธ์เพียง $10 เท่านั้น ผู้ซื้อขายจะต้องคำนวณมูลค่าทางการเงินของพิพเสมอเพื่อประเมินผลกำไรที่แท้จริงของการซื้อขาย
  • 3. Pip นั้นมีอยู่ในทุกโบรกเกอร์:
    เทรดเดอร์บางรายถือว่าการวัดค่าเป็นหน่วยพิปเป็นมาตรฐานสำหรับโบรกเกอร์แต่ละราย อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในวิธีการเสนอราคา เช่น การกำหนดราคาเป็นหน่วยพิปเศษส่วน (ปิเปต) อาจทำให้เกิดความแตกต่างเล็กน้อย

    ตัวอย่าง: โบรกเกอร์รายหนึ่งอาจเสนอราคา EUR/USD เป็น 1.10500 (รวมค่า pip เศษส่วน) ในขณะที่อีกรายหนึ่งอาจแสดงเป็น 1.1050 โดยไม่รวมค่า pip ถึงแม้ว่าความแตกต่างเหล่านี้จะน้อยมาก แต่ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจระบบกำหนดราคาของโบรกเกอร์ของคุณ
  • 4. Pip ใช้ได้เฉพาะกับ Forex เท่านั้น:
    แม้ว่า Pip จะใช้เป็นหลักในการเทรด Forex แต่ในตลาดอื่นๆ ก็มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน ผู้เทรดควรทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์เฉพาะของตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน

    ตัวอย่าง: ในการซื้อขายล่วงหน้า การเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยที่สุดเรียกว่าติ๊ก ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับปิ๊ปในตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดแต่ละแห่งมีข้อตกลงของตนเอง และการทำความเข้าใจข้อตกลงเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ
  • 5. จำนวน Pip ที่มากขึ้นเท่ากับการซื้อขายที่ดีขึ้น:
    ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การได้รับจำนวน pip จำนวนมากจะทำให้การซื้อขายดีขึ้นเสมอ ในความเป็นจริง คุณภาพของการซื้อขายนั้นมีความสำคัญมากกว่าจำนวน pip ที่ได้รับ ซึ่งกำหนดโดยปัจจัยต่างๆ เช่น การจัดการความเสี่ยง ขนาดตำแหน่ง และกลยุทธ์

    ตัวอย่าง: การเทรด 20 พิพด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าการเทรด 100 พิพที่มีความเสี่ยงสูงแต่ศักยภาพในการให้ผลตอบแทนต่ำ การมุ่งเน้นเฉพาะปริมาณพิพโดยไม่พิจารณาถึงความเสี่ยงหรือกลยุทธ์มักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

การทำความเข้าใจและแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ pip ถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ตัวชี้วัดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า pip จะมีความสำคัญต่อการวัดความเคลื่อนไหวของราคา แต่คุณค่าที่แท้จริงของ pip นั้นอยู่ที่วิธีการนำไปใช้ในกลยุทธ์การซื้อขายที่กว้างขึ้น การไขความลึกลับของความเข้าใจผิดเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น

กลยุทธ์ขั้นสูงโดยใช้ Pip

เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ใช้ประโยชน์จาก pips เป็นรากฐานของกลยุทธ์การซื้อขาย ช่วยให้พวกเขาสามารถนำทางความซับซ้อนของตลาด เพิ่มผลกำไรให้สูงสุด และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือเทคนิคขั้นสูงบางส่วนที่ pips มีบทบาทสำคัญ:

  • 1. Scalping แบบมี Pips:
    Scalping คือกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่มุ่งเน้นที่การจับการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ผู้ซื้อขายจะดำเนินการซื้อขายหลายครั้งต่อวัน โดยมุ่งเน้นที่กำไรอย่างรวดเร็วจากการเปลี่ยนแปลงราคาเพียงเล็กน้อย

    มันทำงานอย่างไร:
    • คู่สกุลเงิน: EUR/USD (สเปรดต่ำและสภาพคล่องสูง)
    • เป้า: 5–10 pips ต่อการซื้อขาย
    • ปริมาณการซื้อขาย: ขนาดล็อตที่ใหญ่ขึ้นเพื่อขยายผลกำไรจากการเคลื่อนไหวของ pip เพียงเล็กน้อย

    ตัวอย่าง:
    เทรดเดอร์เข้าตำแหน่งซื้อที่ราคา 1.1200 และออกที่ราคา 1.1205 โดยได้ 5 พิพ เมื่อใช้ 5 ล็อตมาตรฐาน กำไรของพวกเขาจะเป็นดังนี้:
    5 pip × 5 ล็อต × 10 USD / pip = 250 USD
  • 2. การเทรดแบบสวิงด้วย Pips:
    การเทรดแบบสวิงจะเน้นที่ตำแหน่งระยะยาว ซึ่งโดยปกติจะถือไว้เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ใหญ่ขึ้น Pip ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดแนวโน้มและกำหนดเป้าหมายกำไรและขาดทุนที่สมจริงได้

    มันทำงานอย่างไร:
    • ระบุเส้นแนวโน้ม ระดับแนวรับและแนวต้าน หรือการย้อนกลับของฟีโบนัชชี
    • ใช้การวัดขนาด pip เพื่อกำหนดระดับ stop-loss และ take profit
    • ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 50–200 pips ต่อการซื้อขาย ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์

    ตัวอย่าง:
    เทรดเดอร์ขายชอร์ต GBP/USD ที่ราคา 1.3100 โดยตั้งเป้าไปที่ 1.3000 (การเคลื่อนไหว 100 พิป) หากประสบความสำเร็จ กำไรที่ได้จะเป็นดังนี้:
    100 pip × 10 USD / pip = 1,000 USD
  • 3. การกำหนดระดับ Stop-Loss และ Take-Profit:
    Pip มีความสำคัญต่อการกำหนดความเสี่ยงและผลตอบแทนในการซื้อขาย โดยการกำหนดระดับ stop-loss และ take profit ในแต่ละ pip เทรดเดอร์สามารถบังคับใช้การจัดการความเสี่ยงอย่างมีวินัยได้

    ตัวอย่าง:
    • รายการ: ซื้อ USD/JPY ที่ 110.00
    • จุดตัดขาดทุน: 109.80 (ต่ำกว่าราคาเข้า 20 pips)
    • การทำกำไร: 110.40 (40 pips เหนือจุดเข้า)
    การตั้งค่านี้จะสร้างอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลกำไรที่อาจได้รับจะมากกว่าการสูญเสียที่อาจได้รับ
  • 4. การใช้ Pip ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน:
    อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่มั่นคงถือเป็นจุดเด่นของการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ ผู้ซื้อขายมักจะกำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำ 1:2 ขึ้นไปเพื่อให้มั่นใจถึงผลกำไรในระยะยาว

    ตัวอย่าง:
    • เสี่ยง: 30 จุด
    • รางวัล: อย่างน้อย 60 pips
    ซึ่งรับประกันว่าแม้ว่าการซื้อขายเพียงครึ่งเดียวจะประสบความสำเร็จ แต่กลยุทธ์โดยรวมก็ยังคงสร้างกำไรได้
  • 5. การใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของ Pip ในกลยุทธ์อัตโนมัติ:
    เทรดเดอร์ขั้นสูงใช้ขั้นตอนวิธีและที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (EA) เพื่อทำให้การซื้อขายเป็นไปโดยอัตโนมัติตามการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละจุด เครื่องมือเหล่านี้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาแบบเรียลไทม์และดำเนินการซื้อขายภายในเกณฑ์ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้ไม่ต้องมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการตัดสินใจ

    ประโยชน์:
    • เพิ่มความแม่นยำในการดำเนินการซื้อขาย
    • ความสามารถในการปรับขนาดสำหรับการจัดการการค้าหลายรายการพร้อมกัน
    • การติดตามการเคลื่อนไหวของ pip แบบเรียลไทม์เพื่อดำเนินการตามโอกาสทางการตลาดทันที

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำ

Pip เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับใช้กลยุทธ์การซื้อขายขั้นสูง ไม่ว่าคุณจะเก็งกำไรอย่างรวดเร็ว ซื้อขายแบบสวิงเพื่อหาแนวโน้มขนาดใหญ่ หรือใช้เครื่องมืออัตโนมัติ การทำความเข้าใจวิธีการใช้ประโยชน์จาก Pip อย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายและจัดการความเสี่ยงด้วยความมั่นใจ

การซื้อขายฟอเร็กซ์และ Pip

Pip เป็นเครื่องมือวัดมาตรฐานสำหรับวัดความเคลื่อนไหวของราคา ประเมินผลกำไร และจัดการความเสี่ยง การเข้าใจแนวคิดของ Pip จะทำให้เทรดเดอร์สามารถ:

  • -
    ระบุปริมาณการเคลื่อนไหวของตลาด:
    เข้าใจและติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาสกุลเงินด้วยความแม่นยำ
  • -
    คำนวณผลกำไรจากการค้า:
    วัดกำไรและขาดทุนอย่างแม่นยำเพื่อประเมินผลลัพธ์ทางการค้า
  • -
    การนำการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิผลไปใช้:
    ใช้ pip เพื่อกำหนดระดับการหยุดการขาดทุน ขนาดตำแหน่ง และอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่กำลังศึกษาพื้นฐานหรือเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่กำลังปรับแต่งกลยุทธ์ขั้นสูง การทำความเข้าใจ Pip ถือเป็นขั้นตอนสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex

การใช้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่ระบุไว้ในคู่มือนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายอย่างมีข้อมูล จัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับมือกับความซับซ้อนของตลาด Forex ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการใช้ pips เป็นพื้นฐาน ความสำเร็จที่สม่ำเสมออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม พร้อมที่จะเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายของคุณหรือยัง สำรวจบัญชีซื้อขาย Forex ของ PU Prime และปลดล็อคความเป็นไปได้ใหม่ๆ

ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการซื้อขายด้วยความมั่นใจในวันนี้ เปิดบัญชี บัญชีซื้อขายสด PU Prime ฟรี วันนี้เพื่อสัมผัสกับการดำเนินการของตลาดแบบเรียลไทม์หรือปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณโดยปราศจากความเสี่ยงด้วย บัญชีสาธิตของเรา.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Pip

  • 1. 1 Pip มีมูลค่าเท่าไรในตลาด Forex?
    มูลค่า 1 pip ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงิน ขนาดล็อต และสกุลเงินของบัญชี ตัวอย่างเช่น ใน EUR/USD ที่มีอัตราแลกเปลี่ยน 1.2000 มูลค่าของ pip สำหรับล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) คือ $8.33.
  • 2. คุณคำนวณ Pip ใน Forex ได้อย่างไร?
    ในการคำนวณจุด:
    • ระบุตำแหน่งของ pip (ทศนิยมที่สี่สำหรับคู่เงินส่วนใหญ่ ทศนิยมที่สองสำหรับคู่เงิน JPY)
    • ลบราคาเข้าจากราคาออกเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวของราคา
    • คูณความแตกต่างด้วยขนาดล็อตและมูลค่าของ pip

    ตัวอย่าง:
    สำหรับการซื้อขายที่ EUR/USD เคลื่อนไหวจาก 1.1200 ไปที่ 1.1250 รับ 50 pip ด้วยล็อตมาตรฐาน (มูลค่า pip = $10)
    กำไร = 50 × 10 = 500 USD
  • 3. เหตุใด Pip จึงแตกต่างกันไปในแต่ละคู่สกุลเงิน?
    มูลค่าของ Pip จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนและวิธีการเสนอสกุลเงิน

    • คู่หลัก: เช่นเดียวกับ EUR/USD โดยทั่วไปจะมีมูลค่า pip ต่ำกว่าเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ใกล้ 1 มากกว่า
    • คู่ที่แปลกใหม่: เช่นเดียวกับ USD/ZAR มักมีมูลค่า pip ที่สูงกว่าเนื่องจากความผันผวนที่มากกว่าและความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนที่มากขึ้น
  • 4. ปิเปตคืออะไร?
    ปิเปตเป็นหน่วยวัดที่มีเศษส่วน ซึ่งเท่ากับ 1/10 ของหน่วยวัด โบรกเกอร์ใช้ปิเปตเพื่อแสดงการเคลื่อนไหวของราคาที่ละเอียดขึ้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    ตัวอย่าง: หาก EUR/USD ถูกกำหนดเป็น 1.10503 เลข “3” จะเป็นปิเปต ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่น้อยกว่าหนึ่งพิปเต็ม
  • 5. Pip สามารถคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้หรือไม่?
    ตัว Pip นั้นไม่สามารถทำนายแนวโน้มได้ แต่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือวัดเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของราคา ผู้ซื้อขายใช้ความผันผวนของ Pip เพื่อ:
    • วิเคราะห์แนวโน้มตลาด
    • ประเมินความผันผวน
    • ปรับปรุงกลยุทธ์สำหรับการบริหารความเสี่ยงและการขายกำไร

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วย Edge

ซื้อขายฟอเร็กซ์ ดัชนีชี้วัดและอื่น ๆ อีกมากมายที่ค่าสเปรดต่ำแสดงให้เห็นและการสำรวจปานสายฟ้าแลบ

  • เริ่มต้นทำอีกครั้งด้วยเงินฝากเพียง $50 ในบัญชีมาตรฐานของเรา
  • เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน
  • เข้าถึงได้จากรายการการศึกษาฟรีและโปรโมชั่นที่ดีที่สุด
ตอนนี้

กระทู้ล่าสุด

เปิดบัญชีและทราบ

สร้างบัญชีจริง
  • 1

    ฉันคือ

    ลงทะเบียนบัญชีจริงของ PU Prime โดยไม่ต้องผ่านความยุ่งยากของเรา

  • 2

    กองกำลัง

    โอนเงินเข้าไปยังช่องทางด้วยช่องทางและที่ยอมรับได้

  • 3

    เริ่มทำกันเลย

    เข้าถึงได้จนถึงรายการภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของตลาด

โปรดทราบว่าเว็บไซต์นี้มีไว้สำหรับบุคคลซึ่งอาศัยอยู่ในเขตอำนาจศาลที่กฎหมายอนุญาตให้เข้าถึงเว็บไซต์ได้

โปรดทราบว่า PU Prime และบริษัทในเครือไม่ได้จัดตั้งหรือดำเนินการในเขตอำนาจศาลของคุณ

การคลิกปุ่ม "รับทราบ" หมายความว่าคุณยืนยันว่าคุณเข้าสู่เว็บไซต์นี้โดยอาศัยความคิดริเริ่มของคุณเองเท่านั้น ไม่ใช่ผลจากการทำการตลาดแบบเจาะจงใดๆ คุณต้องการได้รับข้อมูลจากเว็บไซต์นี้ ซึ่งให้บริการโดยการร้องขอข้อมูลย้อนกลับตามกฎหมายของเขตอำนาจศาลในประเทศของคุณ

ขอขอบคุณสำหรับคำขอบคุณของคุณ!

Ten en cuenta que el sitio web está destinado a personas que residen en jurisdicciones donde el acceso al sitio web está allowanceido por la ley.

Ten en cuenta que PU Prime y sus entidades afiliadas no están establecidas ni operan en tu jurisdicción de origen.

คลิกสองครั้งที่ el botón "Aceptar" ยืนยันว่ากำลังดำเนินการอยู่บนเว็บ por tu propia iniciativa y no como resultado de ningún esfuerzo de Marketing específico. Deseas obtener información de este sitio web que se proporciona mediante solicitud inversa de acuerdo con las leyes de tu jurisdicción de origen.

ขอขอบคุณสำหรับคำขอบคุณของคุณ!